การขอปล่อยตัวชั่วคราวคืออะไร
การขอปล่อยตัวชั่วคราว คือ กระบวนการทางกฎหมายที่ผู้ต้องหาหรือจำเลยสามารถขอให้ศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวออกจากเรือนจำชั่วคราวระหว่างรอการพิจารณาคดี โดยมีเงื่อนไขบางประการ เช่น การวางหลักประกัน หรือการมาแสดงตัวตามนัด เพื่อให้สามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้ตามปกติไปก่อน
1. เหตุผลที่ควรขอปล่อยตัวชั่วคราว
1.1 เพื่อให้ผู้ต้องหาหรือจำเลยดำเนินชีวิตประจำวัน เช่น การทำงาน การเรียน หรือดูแลครอบครัว
1.2 เพื่อเตรียมการต่อสู้คดีและสามารถปรึกษาทนายความและรวบรวมพยานหลักฐานได้สะดวกขึ้น
1.3 ช่วยบรรเทาความแออัดในเรือนจำ
2. การปล่อยตัวชั่วคราวโดยทั่วไปแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ดังนี้
2.1 การปล่อยตัวชั่วคราวโดยไม่มีประกัน เป็นการปล่อยตัวผู้ต้องหาหรือจำเลยชั่วคราวโดยไม่ต้องวางหลักประกันใดๆ เพียงแต่ให้ผู้ต้องหาหรือจำเลยสาบานหรือปฏิญาณตนว่าจะมาตามนัดหรือหมายเรียกของศาลเท่านั้น
2.2 การปล่อยตัวชั่วคราวโดยมีประกัน เป็นการปล่อยตัวผู้ต้องหาหรือจำเลยชั่วคราว โดยผู้ร้องขอประกันหรือผู้ประกันต้องทำสัญญาประกันต่อศาลว่าจะปฏิบัติตามนัดหรือตามหมายเรียกของศาล ถ้าผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่มาตามนัดหรือหมายเรียก ผู้ประกันจะถูกปรับตามจำนวนเงินที่กำหนดไว้ในสัญญาประกัน
2.3 การปล่อยตัวชั่วคราวโดยมีประกันและหลักประกัน เป็นการปล่อยตัวผู้ต้องหาหรือจำเลยชั่วคราว โดยนอกจากจะมีผู้ประกันแล้ว ยังต้องมีการวางหลักประกันเป็นเงินสดหรือทรัพย์สินอื่นๆ เพื่อเป็นการรับรองว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยจะมาตามนัดของศาล หากผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่มาตามนัด หลักประกันนี้จะถูกยึดโดยทั่วไป
3. การขอปล่อยตัวชั่วคราวสามารถทำได้ในชั้นดังต่อไปนี้
3.1 ชั้นสอบสวน ผู้ต้องหาสามารถยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวต่อพนักงานสอบสวนได้ทันทีหลังจากถูกควบคุมตัว
3.2 ชั้นพิจารณาของศาลชั้นต้น หลังจากที่คดีถูกส่งฟ้องต่อศาล จำเลยสามารถยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวต่อศาลชั้นต้นได้
3.3 ชั้นอุทธรณ์ หากจำเลยไม่พอใจคำพิพากษาของศาลชั้นต้น และยื่นอุทธรณ์ จำเลยสามารถขอปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างรอการพิจารณาคดีในชั้นอุทธรณ์ได้
3.4 ชั้นฎีกา ในกรณีที่จำเลยยื่นฎีกาต่อศาลฎีกา ก็สามารถขอปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างรอการพิจารณาฎีกาได้เช่นกัน
4. ขั้นตอนการขอปล่อยตัวชั่วคราว
4.1 เตรียมเอกสารที่จำเป็น เช่น สำเนาบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน หลักฐานแสดงทรัพย์สิน (หากใช้เป็นหลักประกัน) และเอกสารอื่นๆ ตามที่ศาลกำหนด
4.2 ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวต่อศาลที่รับผิดชอบคดี พร้อมกับเอกสารที่เตรียมไว้
4.3 ศาลจะพิจารณาคำร้องและหลักฐานที่ยื่นมา โดยจะพิจารณาถึงความหนักเบาของความผิด ประวัติอาชญากรรมของผู้ต้องหาหรือจำเลย ความเป็นไปได้ที่จะหลบหนี และความเหมาะสมของ
5. หลักประกัน
หากศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว ผู้ต้องหาหรือจำเลยจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ศาลกำหนด เช่น การมาแสดงตัวตามนัด หรือการวางหลักประกัน เป็นต้น โดยหลักประกันมีดังนี้
5.1 เงินสด เป็นวิธีที่พบได้บ่อยที่สุด โดยผู้ต้องหาหรือจำเลยจะต้องนำเงินมาวางไว้กับศาล
5.2 ทรัพย์สิน อาจเป็นที่ดิน อาคาร หรือทรัพย์สินอื่นๆที่มีมูลค่าเทียบเท่ากับจำนวนเงินที่ศาลกำหนด
5.3 ผู้ประกัน บุคคลที่ยินยอมเป็นผู้ประกันตัวให้ โดยจะต้องรับผิดชอบหากผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่มาตามนัดของศาล
การคืนหลักประกัน หากผู้ต้องหาหรือจำเลยมาตามนัดของศาลครบทุกครั้ง และคดีสิ้นสุดลง หลักประกันจะถูกคืนให้ผู้ประกัน
ผลของการผิดสัญญา ผู้ต้องหาหรือจำเลยจะถูกจับกุมโดยศาลจะมีคำสั่งให้จับกุมตัวผู้ต้องหาหรือจำเลยกลับมาควบคุมตัวในเรือนจำ รวมทั้งหลักประกันจะถูกยึดหากมีการวางหลักประกันไว้
6. หลักเกณฑ์ในการพิจารณาอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว
6.1 ความหนักเบาของความผิด โดยหากเป็นความผิดที่มีโทษจำคุกน้อย หรือเป็นความผิดครั้งแรก ศาลอาจอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวได้ง่ายกว่า
6.2 ประวัติอาชญากรรม โดยหากเป็นผู้ที่มีประวัติอาชญากรรมน้อย หรือไม่มีประวัติอาชญากรรมมาก่อน มีโอกาสได้รับการอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวมากกว่า
6.3 ความเป็นไปได้ที่จะหลบหนี โดยหากเป็นผู้ต้องหาหรือจำเลยมีพฤติการณ์ที่แสดงว่าอาจหลบหนี ศาลอาจไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว
6.4 ความเหมาะสมของหลักประกัน โดยหลักประกันที่นำมายื่นต้องมีความมั่นคงเพียงพอที่จะรับรองว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยจะมาแสดงตัวตามนัด
* หมายเหตุ บางกรณีศาลอาจให้ผู้ต้องหาหรือจำเลยติดตั้งเครื่องติดตาม (Electronic Monitoring หรือ EM) เพื่อป้องกันการหลบหนี